4วิธีทำให้ฟันขาว เพราะรอยยิ้มที่สวยงาม พร้อมกับฟันที่ขาวสะอาด ไร้คราบเหลือง คราบพลัคคอยกวนใจ คือสิ่งที่จะช่วยเสริมบุคลิก เพิ่มเสน่ห์และสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่พบเห็นตั้งแต่แรกพบ
ฟันสะอาดขาวใสแลดูสุขภาพดีสร้างเองได้ง่ายๆ ด้วยการเลือกใช้ยาสีฟันช่วยให้ฟันขาว ควบคู่ไปกับการดูแลความสะอาดของช่องปากและฟัน ด้วยวิธีเหล่านี้
1. เลือกใช้ยาสีฟันที่ทำให้ฟันขาว
ที่มีส่วนผสมของสารเคมีหรือสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติฟอกสีฟัน ช่วยลดฟันเหลืองและขจัดคราบพลัค เช่น
โซเดียมไตโพลีฟอสเฟต แคลเซียมซิลิกา เอมไซน์มะละกอ สารสกัดถ่านไม้ไผ่ขาว เป็นต้น
ทั้งนี้ยาสีฟันที่เราเลือกใช้ต้องมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพื่อช่วยป้องกันฟันผุ ปราศจากส่วนผสมของสารเคมีอันตราย
และที่สำคัญต้องผ่านการรับรองจากมาตรฐาน อย. ของประเทศไทยด้วยนะ
2. แปรงฟันให้ถูกวิธี
เมื่อเราเลือกใช้ยาสีฟันที่ช่วยแก้ฟันเหลืองแล้วนั้น สิ่งต่อไปที่เราต้องให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน คือ การแปรงฟันให้ถูกวิธี ด้วยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง (หรือหากเพิ่มการแปรงฟันอีกครั้งหลังมื้ออาหารกลางวันประมาณ30นาทีได้จะยิ่งดีเลยล่ะ) ซึ่งการแปรงฟันแต่ละครั้งจะต้องแปรงให้ทั่วถึง และควรใช้เวลาในการแปรงอย่างน้อย 1-2 นาที
3. ทำความสะอาดปากให้ครบถ้วน
ทำความสะอาดลิ้นและกระพุ้งแก้ม และใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำเพราะการดูแลฟันไม่ได้จบที่บริเวณฟันเพียงอย่างเดียว คราบจุลินทรีย์และแบคทีเรียต่างๆทั้งบริเวณลิ้นและกระพุ้งแก้มล้วนมีส่วนทำให้ฟันของเรามีคราบเหลือง ดังนั้นแล้วจึงต้องทำความสะอาดช่องปากให้ครบถ้วน ทั้งการแปรงฟันอย่างถูกวิธี ใช้ไหมขัดฟันขัดตามซอกฟันให้สะอาด รวมไปจนถึงการใช้แปรงสีฟันแปรงทำความสะอาดที่ลิ้นและกระพุ้งแก้มเป็นประจำทุกวัน
4. ตรวจสุขภาพฟันและควรขูดฟินปูนทุกๆ 6 เดือน
นอกไปจากการเลือกใช้ยาสีฟันที่ทำให้ฟันขาวแปรงฟันให้ถูกวิธีและทำความสะอาดช่องปากให้ครบถ้วนแล้วนั้น เราควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันและขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือน เพื่อเช็คว่าสุขภาพฟันของเรายังดีอยู่หรือไม่ มีปัญหาฟันผุหรือมีคราบหินปูนเกาะมากเกินไปหรือเปล่า ซึ่งการขูดหินปูนก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดคราบเหลืองบนผิวฟันได้และยังช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับโรคเหงือกได้อีกด้วย
เพียงเท่านี้ฟันของเราก็จะขาวใสดูสุขภาพดีได้โดยไม่ยาก แค่เริ่มจากการดูแลทำความสะอาดฟันและช่องปากด้วยตัวเองอย่างถูกวิธี เลือกใช้ยาสีฟันที่ช่วยทำให้ฟันขาวที่ตัวยาสีฟันจะต้องปลอดภัย ปราศจากสารเคมีรุนแรงและผ่านการรับรองมาตรฐาน ประกอบกับหมั่นตรวจเช็คสุขภาพของช่องปากและฟันกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 2 ครั้ง/ปี